การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน

การใส่ถึงเต้านมเทียมสามารถใส่ได้ทุกตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับรูปร่าง ลักษณะของเต้านมที่ต้องการเสริม และขนาดของเต้านมที่ต้องการหลังจากการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนแล้วด้วย ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยตำแหน่งให้กับผู้เข้ารับการผ่าตัด

ถุงซิลิโคนที่เราใช้อยู่ด้วยกันมีอยู่หลายแบบ แต่การแบ่งสามารถแบ่งได้ตามส่วนประกอบของแต่การแบ่งสามารถแบ่งได้ตามส่วนประกอบของถุงเต้านม คือ

เปลือกหุ้มที่อยู่ภายนอกของซิลิโคน (ถุงเต้านมเทียม)

ส่วนของเปลือกถุงซิลิโคนจะทำจากสารซิลิโคน ซึ่งผิวของเปลือกหุ้มจะมีทั้งแบบผิวเรียบ (smooth surface) และแบบผิวหยาบคล้ายผิวทราย (textured surface) คือ เต้านมเทียมที่มีเปลือกให้สัมผัสที่รู้สึกขรุขระ ซึ่งความหยาบของเปลือกเต้านมเทียมมีตั้งแต่น้อยจนถึงผิวที่หยาบมาก ซึ่งผิวหยาบสามารถช่วยลดพังผืดที่เกิดขึ้นหลังจากใส่ถุงซิลิโคนได้บางส่วน

วัสดุที่อยู่ภายในของซิลิโคน (ถุงเต้านมเทียม)

สารที่บรรจุอยู่ภายในถุงซิลิโคนมีอยู่ด้วยการหลายชนิด ได้แก่ น้ำเกลือ ซิลิโคน เจล และน้ำมันพืช ซึ่งน้ำเกลือเป็นวัสดุที่นิยมใช้ใส่ภายในถุงซิลิโคนเป็นอย่างมาก เพราะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่มีข้อเสียคือเมื่อใช้ไปนาน ๆ แล้วน้ำเกลือจะเกิดการรั่วซึมออกมาทำให้ต้องทำการผ่าตัดใส่ถุงอันใหม่เข้าไปแทน ต่อมาได้มีการพัฒนาใช้ซิลิโคนเจล ที่มีความหนึบ มีความทนทานและความปลอดภัยสูง และถุงซิลิโคนที่ได้มีความเป็นธรรมชาติ

ถุงเต้านมที่นำมาใช้ในการเสริมขนาดหน้าอกมีอยู่ด้วยกันหลายรูปทรง เช่น ทรงกลมพุ่งสูง ทรงกลมพุ่งกลาง ทรงกลมพุ่งต่ำและทรงหยดน้ำ การเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างด้านสรีระ ซึ่งแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดจะเป็นผู้แนะนำ ในอดีตได้มีการวิจัยและสรุปออกมาว่าถุงเต้านมมีอายุโดยประมาณของซิลิโคนนจะอยู่ที่ประมาณ 10 ปี แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีและคุณภาพของซิลิโคนที่นำมาใช้ในการผลิตถุงเต้านมที่มีสูงมาก ทำให้ถุงเต้านมมีอายุที่ยาวนานมากกว่า 10 ปี ซึ่งการที่เราจะรู้ได้ว่าถุงเต้านมที่ใช้อยู่หมดอายุหรือสามารถสังเกตได้จากปฏิกิริยาของร่างกาย ถ้าไม่มีอาการปวดหรืออักเสบแสดงว่าถุงเต้านมยังใช้ได้ หรือสามารถเข้าไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพของถุงเต้านมที่ใช้อยู่ได้เช่นเดียวกัน